Wellness Tourism เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โอกาสทองธุรกิจไทย
เทรนด์สุดฮอตที่กำลังมาแรงทั่วโลก อีกทั้งภาครัฐและเอกชนสายสุขภาพกำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งถือเป็น Mega Trend ที่น่าจับตามอง และเป็นโอกาสทองของธุรกิจไทยที่ไม่ควรพลาด
Wellness คืออะไร?
อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ ไม่ใช่แค่การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่หมายถึงการมีสุขภาพที่ดีในทุก ๆ ด้าน และเมื่อนำมาผสมผสานกับการท่องเที่ยว ก็กลายเป็น Wellness Tourism ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ทำไม Wellness Tourism ถึงเป็น Mega Trend?
มีหลายปัจจัยที่มาสนับสนุนความเป็น Mega Trend ไล่ตั้งแต่ความเครียดจากการทำงาน มลภาวะที่เพิ่มขึ้น อายุขัยที่ยืนยาวขึ้นของคนเรา และความตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่มากขึ้น ทำให้คนหันมาใส่ใจการดูแลตัวเอง และมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่ยังช่วยเติมเต็มสุขภาพที่ดีอีกด้วย
ประเทศไทยกับโอกาสใหม่ในกระแส Wellness Tourism
ประเทศไทยของเรามีโอกาสอะไรบ้างในเทรนด์นี้? บอกเลยว่าไทยมีทรัพยากรที่เอื้อประโยชน์ต่อ Wellness Tourismหรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
- แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม ทะเล ภูเขา น้ำตก อากาศบริสุทธิ์ เหมาะกับการพักผ่อน ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และสัมผัสธรรมชาติบำบัด
- วัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ การนวดแผนไทย การฝึกโยคะ การทำสมาธิ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- อาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและมีประโยชน์ วัตถุดิบสดใหม่ สมุนไพรไทย อาหารเพื่อสุขภาพ เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
- ค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง ที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ธุรกิจไทยจะปรับตัวอย่างไรเพื่อคว้าโอกาสนี้?
นอกจากทรัพยากรทางที่เป็นต้นทุนเดิมที่ดีอยู่แล้ว สำหรับการปรับตัวเพื่อสอดรับกับกระแสนี้ มีไอเดียที่น่าสนใจ ดังนี้
- พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ Wellness Tourism เช่น แพ็คเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รีสอร์ทสปา ศูนย์สุขภาพ คอร์สสอนทำอาหารเพื่อสุขภาพ กิจกรรมโยคะและสมาธิ ฯลฯ
- เน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยนำเสนอความเป็นไทย ผสมผสานวัฒนธรรมและประเพณี สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
- ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ระบบจองออนไลน์ แอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพ การตลาดดิจิทัล เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
- ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สปา เพื่อสร้างเครือข่ายและขยายตลาด กลุ่ม BNI Wellness ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจ ในการสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนความรู้
Wellness Tourism ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในระยะยาว ธุรกิจไทยจึงต้องปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และคว้าโอกาสในการเติบโตไปพร้อมกับ Mega Trend นี้ เชื่อว่าด้วยศักยภาพของประเทศไทย เราสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Wellness Tourism ในระดับโลกได้อย่างแน่นอน